ลดความอ้วนให้ได้ผลเร็ว
⏰ น้ำหนักขึ้นไม่ใช่เรื่องของเวรกรรม แต่เป็นผลจากการกระทำของเราเองครับ ผมมีเทคนิค 9 วิธี ที่จะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ และสลายไขมันส่วนเกินในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ💡
1. การเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ 💪
อย่าเข้าใจผิดคิดว่าผมแนะนำให้ไปเพาะกล้ามนะครับ ลึกลงไปภายใต้ผิวหนังของเราจะมีมัดกล้ามเนื้อ (และชั้นไขมัน) แทรกตัวอยู่ มัดกล้ามเนื้อเหล่านี้จะมีหน้าที่ยืด หด หด ยืด ทำให้ร่างกาย แขน ขา เกิดการเคลื่อนไหวตามที่สมองสั่งการ ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อของเราก็จะฝ่อตัวลงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ !!!
ดังนั้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อก็คือการทำให้มัดกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีปริมาณมากขึ้น อาจจะด้วยการออกแรงยกดัมเบลล์อาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือถ้าใครพอจะมีเวลาไปยิม ก็สามารถเลือกเล่นเครื่องเล่นต้านแรงต่าง ๆ รวมทั้งการบริโภคอาหารที่มีโปรตีนที่ดี เช่น ไข่ขาว เต้าหู้ หรือเนื้อปลา อย่างพอเหมาะ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายแต่ละส่วนสมบูรณ์ขึ้น
ทีนี้เวลาจะหยิบ จับ ยกของ ขยับแขนขาก็ทำได้อย่างแข็งแรง และเมื่อมวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงแล้ว แม้แต่ในเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายก็จะมีอัตราการเผาผลาญที่ดีขึ้นจดจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะครับว่า "กล้ามเนื้อนี่แหละครับ คือตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดถึงระบบเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งถือเป็นหัวใจของการลดน้ำหนัก"
2. แค่ขยับ ก็เท่ากับการออกกำลังกาย 💁
ไม่ได้แนะนำให้คุณผู้อ่านเดินไปพร้อมกับการสะบัดมือ หมุนคอ หมุนเอวนะครับ ถ้าบอกว่าการลดน้ำหนักต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเอง เช่น เดินระยะสั้น ๆ หรือปั่นจักรยาน แทนการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ และที่สำคัญคือการหาเวลาเพื่อออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน การเดินเร็ว การวิ่งจ๊อกกิ้ง การว่ายน้ำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที ผมเข้าใจครับว่าไม่มีคนอ้วนคนไหนมีความสุขกับการวิ่งออกกำลังกาย แต่ถ้าคิดจะลดน้ำหนักมันก็จำเป็นต้องทำครับ
3. รับประทานให้ครบทุกมื้อตามปกติ อย่าอดอาหารเป็นอันขาด !! 🍝
ทุกตำราที่ผ่านมาสอนมาว่าให้รับประทานน้อย ๆ ออกกำลังกายเยอะ ๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้ ทำไมตำรานี้มาบอกให้ฉันอย่าอดอาหาร !!! ฟังดูอาจจะเพี้ยน ๆ หน่อยนะครับ แต่สามารถอธิบายได้ดังนี้ ร่างกายของคนเราก็ไม่ต่างจากหลอดไฟ เมื่อเรารับประทานอาหารไม่เพียงพอ มีเชื้อเพลิงให้ร่างกายได้เผาผลาญน้อย เซลล์หรือไส้หลอดของหลอดไฟก็จะไม่เผาไหม้สว่างไสว ดังนั้นจะเป็นการดี ถ้าเราแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 4-5 มื้อต่อวัน และทิ้งระยะให้ห่างกัน สามถึงสี่ชั่วโมงต่อมื้อ ก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย
4. ลดความหวานบ้างอะไรบ้าง 🍬
เมื่อใดก็ตามที่คุณรับน้ำตาลเข้าไป ระบบการเผาผลาญจะถูกสับสวิตช์เปลี่ยนช่องไปเป็นระบบเก็บกักไขมันแทน ดังนั้นลดความหวานได้ อย่าลืมนะครับ ชีวิตเราขาดความหวานได้ แต่ขาดความรักไม่ได้
5. คิดอะไรไม่ออกให้ดื่มชาเขียว
เชื่อหรือไม่ครับว่า มีวิธีที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกายหลากหลายวิธีที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายมากนัก เช่น การดื่มกาแฟ ซึ่งเป็นการรับสารนิโคตินสู่ร่างกาย ดังนั้นแทนที่จะดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนมาก ๆ แล้วต้องพบกับผลข้างเคียงที่ค่อนข้างอันตราย ให้ลองเปลี่ยนมาบริโภคเครื่องดื่มชาเขียวร้อนแทน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้นานกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่ากาแฟเสียอีก
6. ไม่อดอาหารเช้า
เป็นความจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงเท่าไหร่เลยว่า คนที่กินอาหารเช้าที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำมักจะหุ่นดีสมส่วนกว่าพวกที่ไม่กิน ถ้าหากคุณจะกินอาหารเช้าที่เป็นสลัดผักหรือว่าข้าวซ้อมมือ อาหารแบบนี้แหละที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ทั้งยังมีเส้นใยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่นด้วยครับ
7. กินเผ็ดเข้าไว้
คงไม่ต้องถึงกับเติมพริกป่นกันจนควันออกหู ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่าอาหารเผ็ด ๆ นี่แหละ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูเถอะว่าใครบ้างในวงข้าวของคุณที่กินเผ็ดแล้วเหงื่อแตกพลั่ก ๆ นั่นแหละกระบวนการเผาผลาญของเขากำลังทำงานอย่างหนักอยู่
8. หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดสามารถเพิ่มน้ำหนักให้เราได้ครับ เนื่องจากความเครียดทางร่างกายและจิตใจ จะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอลออกมา ซึ่งเจ้าสารนี้จะมีอำนาจในการชะลอกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ช้าลงด้วย เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เครียดหรือเครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
9. นอนหลับมาก ๆ
🔍 มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับแล้วครับ ว่าใครก็ตามที่นอนน้อยกว่าวันละ 7 หรือ 8 ชั่วโมงจะมีโอกาสน้ำหนักขึ้นได้มากนั่นเอง
ฉะนั้น ระหว่างการลดความอ้วน เว้นแต่จะต้องมีการจำกัดเรื่องของกินแล้ว พวกเราจำเป็นที่จะต้องบริหารเวลาด้วยการบริหารร่างกาย สลับกับวันพักคลายกล้าม นอนพัก กินน้ำสะอาดให้พอเพียงแล้วก็สมควรต่อสถาพทางร่างกาย ทดลองเริ่มทำกันมองครับผม ยืนยันว่าหากเอาจริงๆคงจะไม่ต้องมานั่งเจ็บกระดองหัวใจกับคำกล่าวอีกแน่ๆ
ไม่มีความคิดเห็น: